บริดจสโตนสานต่อความร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก มอบสิทธิประโยชน์ด้านยางหล่อพรีเมียม สำหรับผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐาน Q Mark ทั่วประเทศ ในปี 2567
[กรุงเทพฯ] (27 มิถุนายน 2567) – บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับกรมการขนส่งทางบกเดินหน้ามอบสิทธิประโยชน์ด้านยางหล่อพรีเมียมจากบริดจสโตนสำหรับผู้ประกอบการทั่วประเทศที่สมัครรวมถึงผู้ที่ต่ออายุเพื่อขอรับรองมาตรฐานคุณภาพบริการการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก หรือ Q Mark ในปี พ.ศ. 2567 เพื่อส่งเสริมและร่วมยกระดับคุณภาพมาตรฐานการขนส่ง
ในประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มโอกาสให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
อีกทั้งยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริดจสโตนในการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นด้านยางพรีเมียมด้วยมาตรฐานความคุ้มค่า และปลอดภัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้ตรงกับความพึงพอใจตลอดจนสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบการ
โดยในปี พ.ศ. 2567 บริดจสโตนยังคงส่งมอบสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ประกอบการที่สมัครรวมถึงผู้ที่ต่ออายุเพื่อขอรับการรับรองมาตรฐาน Q Mark ดังนี้
1. ฟรี! ยางหล่อพรีเมียมจากบริดจสโตน รุ่น RT157 ขนาด 11R22.5 จำนวน 2 เส้น (มูลค่า 12,000 บาท)
2. ส่วนลดค่าหล่อยางมูลค่า 500 บาท จำนวน 4 ครั้ง เมื่อนำโครงยางเดิมกลับมาหล่อ (รวมมูลค่า 20,000 บาท) โดยสามารถนำโครงยาง Bridgestone/ Firestone เก่า มาใช้กับส่วนลดในการหล่อยางพรีเมียมจากบริดจสโตนได้
3.ส่วนลดบริการตั้งศูนย์รถบรรทุก/ รถโดยสาร ณ ศูนย์บริการบีทีซีทั่วประเทศ จำนวน 1 ครั้ง (มูลค่า 2,500 บาท)
4.ฟรี! คอร์สอบรมและพัฒนาทักษะการดูแลรักษายางเบื้องต้น Onsite ทั่วประเทศ จากผู้เชี่ยวชาญของบริดจสโตน จำนวน 1 ครั้ง (มูลค่า 5,000 บาท) พิเศษสำหรับลูกค้าของบริดจสโตนเท่านั้น
โดยผู้ประกอบการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center โทร 02-636-1555 หรือที่ https://bridgestonetruckcenter.com/home และ Line OA: @BSTireSolution
สิทธิประโยชน์ในข้อ1.- 4. สามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 และสิ้นสุดในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2567
สำหรับผลิตภัณฑ์ยางหล่อพรีเมียมจากบริดจสโตนเป็นนวัตกรรมยางพรีเมียมรักษ์โลกที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงผ่านการนำกรรมวิธีและวัตถุดิบเอกสิทธิ์เฉพาะของบริดจสโตนทำให้โครงยางเดิม
นำกลับมาใช้ได้อีก พร้อมด้วยหน้ายางที่ใช้ส่วนผสมแบบเดียวกับยางใหม่ด้วยการควบคุมคุณภาพมาตรฐานการรับประกันใกล้เคียงกับยางใหม่ (สูงสุด 4 ปี นับจากวันที่ผลิต)* โดยบริดจสโตนใส่ใจใน
ทุกขั้นตอนนับตั้งแต่ การคัดโครงยาง กระบวนการหล่อ จนถึงผลิตภัณฑ์ยางหล่อที่พร้อมใช้งานจึงมั่นใจได้ถึงคุณภาพและความปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการใช้งานให้กับผู้ประกอบการ นอกจากนี้ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพราะใช้ทรัพยากรน้อยกว่าการผลิตยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารเส้นใหม่จึงได้รับความนิยมจากลูกค้าภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
ยางหล่อพรีเมียมจากบริดจสโตนเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์คุณภาพชั้นนำภายใต้ B-Solution โปรแกรมการบริหารจัดการยางรถบรรทุกและรถโดยสารแบบมืออาชีพ ซึ่งนวัตกรรมยางหล่อพรีเมียมจาก
บริดจสโตนได้ส่งเสริมการหมุนเวียนของวัสดุเพื่อนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สะท้อน Bridgestone E8 Commitment
(พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) “ด้าน Economy (เศรษฐกิจ)” ด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจให้ทะยานไปได้สุด เพื่อเพิ่มคุณค่าระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ “ด้าน Ecology (สิ่งแวดล้อม)” ตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างแท้จริงเพื่อสิ่งแวดล้อมด้วยการสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอกย้ำการรักษ์โลกจากบริดจสโตนในด้านการปรับปรุงเรื่องต้นทุนทั้งในมิติของลูกค้าและองค์กร
* เงื่อนไขการรับประกันยางหล่อดอกเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยท่านสามารถศึกษานโยบายการรับประกันยางหล่อดอกได้ที่ https://bridgestonetruckcenter.com/product-warranty
เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย:
บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูงซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทาง, การใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก
ภาพรวมของบริดจสโตนเอเชียแปซิฟิก, อินเดีย และจีน