การเดินทางของบริดจสโตนสู่ความยั่งยืน
การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสร้างความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกองค์กรท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เพื่อให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงที และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลกด้วยแนวคิดและกิจกรรมที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและการเติบโตในอนาคต เพื่อส่งมอบคุณค่าแก่สังคมและลูกค้าอย่างต่อเนื่องในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน
ความยั่งยืนคืออะไร
แก่นความหมายหลักของความยั่งยืนคือการพัฒนาและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในยุคสมัยปัจจุบัน แต่ยังคงการรักษาสิ่งที่มีอยู่และฟื้นฟูให้ดำรงอยู่ต่อไปในระยะยาวโดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมหรือสร้างผลกระทบเชิงลบต่อระบบนิเวศและสังคมที่ส่งผลต่อลูกหลานหรือคนรุ่นต่อไปในอนาคต โดยการสร้างความยั่งยืนระยะยาวจำเป็นต้องอาศัย 3 กลไกหลักมาประกอบกัน ได้แก่ ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
3 กลไกหลักของความยั่งยืนมีอะไรบ้าง (ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานของ University of Mississippi, USA)
ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ (Economic Dimension) คือมุมมองการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างรายได้ในปัจจุบันแต่มองไปถึงอนาคตข้างหน้า โดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว รวมถึงความพยายามในการลดผลกระทบเชิงลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด
ความยั่งยืนด้านสังคม (Social Dimension) คือการตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์ต่อสังคมและชุมชนไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น การส่งเสริมด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษาให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง รวมถึงด้านการอุปโภคบริโภคและการขจัดความหิวโหย ความขาดแคลนให้หมดไปจากสังคม เพื่อความยั่งยืนของสังคมและผู้คนในชุมชน
ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Dimension) คือการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และการสร้างสิ่งทดแทนทรัพยากรที่ถูกทำลายไป รวมถึงการให้ความสำคัญเรื่อง มลพิษในระบบนิเวศอันเป็นผลมาจากธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น ก๊าซเรือนกระจก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ฝุ่นละออง สารพิษ และมลพิษอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อปัญหาความยั่งยืนของสภาพแวดล้อมนั่นก็คือ แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลกอย่างต่อเนื่อง
ผลพวงของปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นนั้นล้วนมาจากฝีมือของมนุษย์ที่เป็นตัวแปรสำคัญ แต่ในเมื่อมนุษย์เป็นคนสร้างปัญหานี้ขึ้นมา มนุษย์ก็ต้องเป็นคนแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ จึงเป็นที่มาของการจัดประชุม COP (Conference of the Parties) เป็นการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยเป็นการหารือและตกลงกันเรื่อง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) และความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)
คือแนวคิดเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมระดับประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนสังคมมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ กล่าวง่าย ๆ ว่าเป็นการรักษาความสมดุลของสภาพอากาศของโลก โดยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เท่ากับจำนวนที่ปล่อยออกไปด้วยวิธีการเช่น ปลูกป่าเพื่อตรึงคาร์บอนในดิน ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลให้ได้มากที่สุดและเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทนและอื่น ๆ อีกมากมาย
ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
คือแนวคิดเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเป้าหมายระดับบุคคล องค์กร หรือประเทศ โดยการลดและชดเชยปริมาณการปล่อยคาร์บอนจนเป็นกลางเพื่อให้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับกลับคืนมาผ่านวิธีการต่าง ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีการผลิตและการจัดการของเสียที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันมาใช้พลังงานสะอาดอย่างพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม รวมถึงชดเชยปริมาณคาร์บอนที่เหลือด้วยกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การปลูกป่าและการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน
บริดจสโตนมุ่งมั่นที่จะสร้าง ความยั่งยืน และความสำเร็จในอนาคตที่มั่นคง ผ่านแนวคิดและกิจกรรมที่เราดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แนวคิดของเราเน้นไปที่การสร้างโลกที่ยั่งยืน โดยทำงานในทุกด้านเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อโลก และไม่ลืมที่จะคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม ทั้งในเรื่องระบบการจัดการ สภาวะเศรษฐกิจ และอื่น ๆ อีกด้วย
โดยเรามุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจกรรมที่สร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้วัตถุดิบที่มี ความยั่งยืน การลดการสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการผลิต และทดแทนด้วยการใช้พลังงานสะอาด นอกจากนี้ยังสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาและสังคมในด้าน ความยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่า ความยั่งยืน และความสำเร็จที่มั่นคงจะเกิดขึ้นได้ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัท คู่ค้า และสังคม ภายใต้แนวคิดของเราที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนในทุกด้านของกิจการ
แนวทางสู่ความยั่งยืนของบริดจสโตน
นับตั้งแต่การก่อตั้งบริดจสโตนในปี พ.ศ. 2474 กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนได้ขยายและพัฒนาธุรกิจเพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งมั่นที่จะมอบการเดินทางและการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคงของผู้คนในแต่ละยุคสมัยตามพันธกิจ "รับใช้สังคมด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า" ซึ่งกลายเป็นคติประจำองค์กรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 และยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของโชจิโร อิชิบาชิ ผู้ก่อตั้งได้กล่าวไว้ในคำพูดของเขาว่า "ข้าพเข้ามีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจที่มุ่งเน้นแต่แสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ มีแต่จะล่มสลายลง แต่ธุรกิจที่มีความรับผิดชอบช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองและยั่งยืนตลอดไป"
เราเชื่อว่านี่คือบทบาทและความรับผิดชอบของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนที่จะคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในสังคม, เปลี่ยนการเปลี่ยนแปลงให้เป็นโอกาส, และมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนผ่านการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมช่วยเหลือสังคม
กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนจะยังคงสนับสนุนการสร้างสังคมที่ยั่งยืนในขณะเดียวกันก็จะเติบโตอย่างยั่งยืนในฐานะองค์กร
แนวทางการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและกิจกรรมเพื่อความยั่งยืน
ในปี พ.ศ. 2550 กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนได้กำหนด "หลักกิจกรรมเพื่อสังคม 22 ประการ" ให้เป็น “แนวทางพื้นฐาน" ในการสานต่อพันธกิจและส่งเสริมการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมให้สอดคล้องกัน โดยเริ่มจากกิจกรรมด้าน ความยั่งยืน ในทั่วทุกมุมโลกอย่างจริงจัง จากความเชื่อที่ว่า “กิจกรรมเพื่อสังคมคือหัวใจของการบริหารจัดการ” กลุ่มบริษัทฯ ได้สร้างรากฐานของกิจกรรมเพื่อสังคมโดยบูรณาการหลัก ประการจากพื้นฐานของกิจกรรมขององค์กร รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คุณภาพและความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน กับแผนการจัดการระยะกลาง
จากรากฐานดังกล่าว กลุ่มบริษัทได้ประกาศ “ Our Way to Serve” หรือ “วิถีในการดำเนินงานของเรา” ในปี พ.ศ. 2560 เพื่อเป็นเข็มทิศในการดำเนินธุรกิจ ตอบโจทย์ต่อความคาดหวังของสังคมที่มีต่อบริษัทระดับโลกที่มีความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างอนาคตให้ดียิ่งขึ้น Our Way to Serve ประกอบด้วย 3 ประเด็นสำคัญในการส่งเสริมคือ การเดินทาง, ผู้คน, และสิ่งแวดล้อม ซึ่งกลุ่มบริษัทได้สนับสนุนกิจกรรมเหล่านี้ผ่านแนวทางการบริหารแบบ “ Glocal” ( นโยบายระดับโลก x การดำเนินการระดับท้องถิ่น) ด้วยผู้นำระดับภูมิภาคเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินกิจกรรม แนวทางนี้ทำให้เราสามารถระบุประเด็นสำคัญที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ให้เป็นจุดแข็งในการสร้างความร่วมมือเพื่อสร้างคุณค่าและการเปลี่ยนแปลง
ต่อมาในปี พ.ศ. ในปี 2565 กลุ่มบริษัทได้ก่อตั้ง “ Bridgestone E8 Commitment” หรือ “พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความคืบหน้าของกิจกรรมด้าน ความยั่งยืน ทั่วโลก ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มุ่งมั่นสัญญาที่จะสร้างและส่งมอบคุณค่านี้ผ่าน “เจตจำนง” และ “กระบวนการทำงาน” ร่วมกับพนักงาน สังคม พันธมิตร และลูกค้าของเราเพื่อร่วมสร้างสังคมที่ยั่งยืน นับจากนี้เป็นต้นไป กลุ่มบริษัทฯ จะมุ่งมั่นไปสู่ขั้นต่อไปด้วย “ Bridgestone E8 Commitment” ซึ่งเป็นแกนหลักที่จะผลักดันการบริหารจัดการไปพร้อมกับการได้รับความไว้วางใจจากคนรุ่นต่อไปในอนาคต
BRIDGESTONE E8 COMMITMENT ส่งมอบคุณค่าสู่สังคม และลูกค้า
การส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืนเป็นเป้าหมายหลักขององค์กร Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) โดยเรามุ่งหวังที่จะส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้าอย่างต่อเนื่องถึงปี ค.ศ. 2050 ในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน
วิสัยทัศน์ของเราคือการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้าอย่างต่อเนื่องถึงปี ค.ศ. 2050 ในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน หลักคุณค่า 8 ประการของ Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) จะเป็นเข็มทิศในการเปลี่ยนแปลงของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเสริมสร้างกลยุทธ์องค์กรและเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร เราจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการเดินทางของเรา เช่นการแสวงหาคุณค่าทางสังคมและลูกค้า การสร้างความยั่งยืนและการเติบโตขององค์กร เพื่อเป็นผู้นำในฐานะองค์กรระดับโลก โดยมีหลักคุณค่า 8 ประการ ดังนี้
1. ENERGY (พลังงาน) สังคมแห่งการเดินทาง ต้องเป็นกลางทางคาร์บอน
2. ECOLOGY (สิ่งแวดล้อม) ตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างแท้จริง เพื่อสิ่งแวดล้อม
3. EFFICIENCY (ประสิทธิภาพ) ดีขึ้นได้อีก..เพิ่มผลผลิตขึ้นได้อีก
4. EXTENSION (การเติบโต) เพราะโลกไม่เคยหยุด เราต้องไปให้สุดด้วยนวัตกรรม
5. ECONOMY (เศรษฐกิจ) ดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจให้ทะยานไปได้สุด
6. EMOTION (ความรู้สึก) ปลุกพลังบันดาลใจ เติมเชื้อไฟแห่งความตื่นเต้น สู่โลกแห่งการเดินทาง
7. EASE (ความสะดวกสบาย) ทุกการเดินทาง จะสร้างความสุขได้มากกว่าเดิม
8. EMPOWERMENT (พลังทางสังคม) ผลักดันสังคมเพื่อความเท่าเทียม
เพราะฉะนั้น Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) จะสำเร็จได้ จำเป็นต้องมีการร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน โดยมีการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน รวมถึงการร่วมกันสร้างคุณค่าร่วมกันกับพนักงาน สังคม คู่ค้า และลูกค้า เพื่อสนับสนุนสังคมที่ยั่งยืน เป็นการนำความเชี่ยวชาญมาซึ่งกันและกัน การแลกเปลี่ยนความรู้ในการสร้างสรรค์โซลูชั่น และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีพลังในการเริ่มต้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างยั่งยืน
กิจกรรมเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทย
เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน บริดจสโตนได้ร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คุณภาพ และความปลอดภัยเพื่อประโยชน์ของสังคม ก่อนที่จะนำสิ่งดี ๆ นี้ออกสู่สายตาของทุกคน
หนึ่งในกิจกรรมที่เราได้ร่วมมือกันคือการเปิดตัวรถมินิบัสไฟฟ้า เป็นทางเลือกใหม่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเดินทางที่สะอาดและเพื่อนิ่ง โดยรถมินิบัสไฟฟ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ยั่งยืน และบริดจสโตนภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอ และส่งเสริมการใช้งานรถมินิบัสไฟฟ้าเพื่อประโยชน์ของสังคม
นอกจากนี้ เรายังได้ดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา เพื่อให้สามารถใช้พลังงานที่สะอาดและยั่งยืนจากแสงอาทิตย์ นำไปสู่การอนุรักษ์พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้สังคมมีการใช้พลังงานที่ยั่งยืนและสะอาดในอนาคต
เราพร้อมที่จะยังคงเป็นผู้นำในการสร้างความยั่งยืน และดำเนินกิจกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อความพึงพอใจของสังคมและอนาคตของเรา
แนวทางการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมของ BRIDGESTONE ในประเทศไทย
เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น Bridgestone ได้ร่วมกิจกรรมที่สนับสนุนการขับเคลื่อนสังคมในหลากหลายด้าน
หนึ่งในกิจกรรมที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งคือการส่งมอบสนามกีฬา โดยการเข้าร่วมสร้างสนามกีฬาที่ให้ผู้คนมีสถานที่สำหรับกีฬาและนันทนาการ นอกจากนี้ Bridgestone ยังสนับสนุนโรงพยาบาลและมูลนิธิโดยการทำการบริจาคเงินทุน เพื่อช่วยเสริมสร้างสังคมที่เพิ่มสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชน
เราเชื่อว่าการร่วมมือกับสังคมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและมีความเจริญก้าวหน้า ผ่านกิจกรรมเหล่านี้ เราสามารถสร้างความเข้มแข็งและสร้างสรรค์ความเป็นไปได้ที่ดีให้กับสังคม
ทางบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด เป็นผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์อันดับหนึ่งในประเทศไทย และเรากำลังดำเนินการโครงการ B-Active ที่เน้นการส่งมอบสนามกีฬาบริดจสโตนในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวัดสุธาสินี อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กไทยในชุมชนที่ห่างไกลให้มีความสุขและมีสุขภาพที่แข็งแรง
ประธานกรรมการผู้จัดการ คุณฟูมิทากะ ทาคาโอกะ ได้กล่าวว่า "เราเป็นผู้สนับสนุนหลักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอย่างเป็นทางการ และเราได้จัดทำโครงการ B-Active เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมไทยให้มีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งใจและกาย โดยมีการส่งมอบสนามกีฬาอเนกประสงค์สำหรับใช้เล่นและฝึกซ้อมกีฬาได้อย่างหลากหลายตามความต้องการของโรงเรียนและชุมชนต่าง ๆ ล่าสุดเราได้ส่งมอบ "สนามกีฬาบริดจสโตน" เป็นแห่งที่ 3 พร้อมกับการมอบอุปกรณ์กีฬาและสิ่งของที่จำเป็นให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวัดสุธาสินี อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยงบประมาณจากกิจกรรม Chase Your Dream Run 2019 ยิ่งวิ่ง ยิ่งให้" โดยเราเข้าใจความสำคัญของคุณภาพชีวิตของเด็กไทยที่ต้องได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในทุกด้านเพื่อให้มีวัยเด็กที่มีความสุข
ในฐานะผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์อันดับต้น ๆ ของประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด เป็นผู้ให้บริการยางรถยนต์คุณภาพสูง ในความเป็นผู้นำ บริษัทเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพและความยั่งยืน มาตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกคน เราใส่ใจในการให้บริการและสนับสนุนกิจกรรมที่สร้างความเป็นสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทยทุกคนในทุกชุมชน
BRIDGESTONE ไม่เคยหยุดพัฒนา มีแต่จะก้าวต่อไปข้างหน้าสู่โลกอนาคต
บริดจสโตนเป็นบริษัทที่ไม่เคยหยุดพัฒนาและก้าวต่อไปข้างหน้าสู่โลกอนาคต โดยเรานำเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาควบคู่กับคอนเซปต์รักษ์โลก
ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริดจสโตนได้พัฒนาเทคโนโลยียางรถยนต์ไร้ลม “ Air Free Concept” สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขณะขับขี่ โดยจะลดการสูญเสียพลังงานจากโครงสร้างของยางนั่นเอง โดยมีแผนต่อยอดสู่การพัฒนาในอนาคตอันใกล้นี้
ยางรถยนต์ไร้ลม “Air Free Concept”
จากที่ได้กล่าวไปว่าบริดจสโตนได้คำนึงถึงความยั่งยืนต่อสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้าและพันธมิตร จึงได้เกิดไอเดียในการพัฒนาเทคโนโลยียางรถยนต์ไร้ลม “Air Free Concept” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากความต้านทานการหมุนของยางที่ส่งผลโดยตรงต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขณะขับขี่ เนื่องจาก 90% ของการสูญเสียพลังงานนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของยางในขณะที่ล้อหมุน การไม่มียางในและการลดความซับซ้อนของโครงสร้างยางจึงสามารถลดความต้านทานการหมุนได้ ในขณะเดียวกันวัสดุของยางรถยนต์ไร้ลม “Air Free Concept” ได้ถูกออกแบบมาให้ไม่มียางในจึงไม่ต้องคอยเติมลม ทำให้รองรับน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระจายน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ และช่วยประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น ถือเป็นการช่วยลดปริมาณการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อีกทางหนึ่ง และที่สำคัญคือวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตยางรถยนต์เป็นวัสดุที่มีความยั่งยืนและคงทน โดยเรซินที่ใช้ในโครงยางสามารถนำมารีไซเคิลได้ และไม่มีส่วนใดของยางที่ต้องกลายเป็นขยะ
แม้ว่าในขณะนี้ยางรถยนต์ไร้ลมยังเป็นโมเดลยางต้นแบบในกระบวนการพัฒนาของยางรถยนต์ของบริดจสโตน แต่ก็นับเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนในการช่วยคงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและช่วยให้การเดินทางในอนาคตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นภายใต้การพัฒนาของทีมงานบริดจสโตนที่มีความเชี่ยวชาญ
ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ทีมงานเชี่ยวชาญที่บริดจสโตนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนายางรถยนต์ที่มีคุณภาพและยั่งยืน ทีมนักวิจัย นักเคมี นักพัฒนา วิศวกร และทีมงานติดตั้งทุกคนมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานเพื่อสร้างยางรถยนต์ที่มีความยั่งยืนและคุณภาพสูงให้แก่ผู้ขับขี่ทุกคน
ทีมนักวิจัย ทำการวิจัยอย่างละเอียดและเข้มข้นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยียางที่ล้ำหน้า รวมถึงนักเคมีของเราศึกษาและวิเคราะห์สารเคมีเพื่อให้ได้สูตรที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด นักพัฒนาและวิศวกรของเราทำงานร่วมกันในการออกแบบ ก่อนจะพัฒนาสินค้าเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีสมรรถนะที่ดีที่สุด
ทีมงาน Cockpit ศูนย์บริการรถยนต์ที่พร้อมติดตั้งและให้ความสำคัญกับรายละเอียด พวกเขาปฏิบัติงานอย่างมีความพร้อมและความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ยางรถยนต์ที่เราผลิตถูกติดตั้งและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินและมั่นใจในการขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ทำให้วันนี้เราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ และเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ