The NTT INDYCAR SERIES คือรายการแข่งขันรถยนต์ล้อเปิดที่สำคัญที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ แข่งขันบนสนามซุปเปอร์สปีดเวย์, สนามแข่งโอวัลแบบสั้น, สนามแข่งประเภทถนน และสนามแข่งประเภทสตรีทแบบชั่วคราว
หัวใจหลักของรายการคือ Indianapolis 500 ซึ่งเป็นงานอีเวนต์สำคัญของซีรีส์นี้ ที่ทดสอบทักษะ ความทนทาน และความแม่นยำอย่างสูงสุด ด้วยความเร็วที่สามารถทำได้ถึง 370 กม./ชม. บนสนามแข่งโอวัล 4.02 กม.
THE NTT INDYCAR SERIES แข่งขันบนสามประเภทสนามตลอดฤดูกาล
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนแข่งในคลาสเดียวกัน โดยมีสเปคมาตรฐานเพื่อให้เกิดความยุติธรรม
โครงรถที่จัดหามาโดย Dallara ถูกออกแบบให้มีความหลากหลาย สามารถใช้งานได้ดีทั้งในสนามซุปเปอร์สปีดเวย์, สนามแข่งโอวัลแบบสั้น, สนามแข่งประเภทถนน และสนามแข่งประเภทสตรีท ความเป็นมาตรฐานนี้ ช่วยเน้นทักษะของนักแข่งและกลยุทธ์ของทีมมากขึ้น
ในปี 2024, INDYCAR ได้นำเครื่องยนต์ V-6 เทอร์โบคู่ขนาด 2.2 ลิตร ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาใช้เป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งสามารถผลิตกำลังได้ระหว่าง 550-700 แรงม้า ทีมสามารถเลือกใช้เครื่องยนต์จาก Honda หรือ Chevrolet ได้ตามต้องการ
Firestone ได้คว้าชัยชนะ 75 ครั้งที่ Indianapolis 500 ซึ่งเป็นงานแข่งที่มีชื่อเสียงระดับโลก ระหว่างปี 1911-2024 และยังคงเป็นผู้จัดจำหน่ายยางเฉพาะของ NTT NIDYCAR SERIES ต่อเนื่องเป็นเวลา 26 ฤดูกาล
Bridgestone และ INDYCAR มุ่งมั่นที่จะทำให้การข่งรถเป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบ
INDYCAR ก้าวหน้าอย่างมากในการนำเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียนมาใช้ และกลายเป็นแชมป์เปี้ยนการแข่งขันรถล้อเปิดรายใหญ่รายแรกที่นำเชื้อเพลิงที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% มาใช้
เริ่มตั้งแต่ปี 2022 Bridgestone ได้นำยางธรรมชาติที่ได้จาก Guayule ในทะเลทราย มาใช้ในขอบยางของ Firestone Firehawk ซึ่งถูกออกแบบสำหรับการแข่งขัน NTT INDYCAR SERIES บนสนามแข่งประเภทสตรีท
ตั้งแต่ปี 2023 Bridgestone ได้จัดหายาง Firestone Firehawk สำหรับการแข่งขัน Indianapolis 500 ซึ่งผสมผสานวัสดุที่ได้จากพลาสติกที่ยากต่อการรีไซเคิล (2023) และเศษวัสดุจากการทำน้ำมันปาล์ม* (2024 และ 2025)
*วัสดุที่รีไซเคิลได้จะถูกจัดสรรโดยใช้แนวทางมวลสมดุลจากการรับรองความยั่งยืนและคาร์บอนระหว่างประเทศ (ISCC) สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ISCC และการรับรอง ATPC ISCC Plus ของเราได้ที่: www.iscc-system.org.
การแข่งขันจัดขึ้นในสนามแข่งหลากหลายประเภท รวมถึงสนามชื่อดังอย่าง Indianapolis Motor Speedway และ Road America ซึ่งแต่ละสนามต่างก็ท้าทายนักแข่งและทีมงานให้มีความสามารถในการปรับตัวและความแม่นยำ
ทีมจะได้รับยาง Firestone หลักและสำรองสำหรับสนามแข่งประเภทสนามแข่งประเภทถนน และการแข่งขันในสนามแข่งโอวัลหนึ่งรายการ โดยแต่ละประเภทยางมีข้อดีในด้านการยึดเกาะและความทนทานที่แตกต่างกัน และต้องใช้อย่างน้อยสองรอบ ซึ่งเพิ่มความท้าทายเชิงกลยุทธ์ในการวางแผนสำหรับวันแข่งขัน
