ผ้าเบรกหมดดูยังไง? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
ความรู้ทั่วไปสำหรับผู้ใช้รถยนต์

ผ้าเบรก อีกหนึ่งอะไหล่ที่สำคัญกับระบบเบรกในรถยนต์ อยู่คั่นระหว่างคันขาเบรกกับดรัมเบรก ทำหน้าที่กดทับจานเบรกเพื่อสร้างแรงเสียดทานให้ล้อหยุดหมุน เมื่อมีการเหยียบเบรกเป็นประจำหรือใช้งานไประยะหนึ่ง การทำงานของผ้าเบรกก็จะเสื่อมสภาพไปตามระยะเวลา และสามารถส่งผลกระทบต่ออะไหล่ส่วนอื่น ๆ เช่น จานเบรก และเบรกคาลิปเปอร์ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่รถยนต์ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรตรวจเช็กผ้าเบรกผ่านการสังเกตได้ด้วยตัวเองจากการขับขี่ประจำวัน ว่ามีความผิดปกติตามข้อต่อไปนี้หรือไม่
5 สัญญาณเตือน ผ้าเบรกเสื่อมหรือกำลังหมดอายุ
ระหว่างการขับขี่ ทุกครั้งที่เหยียบเบรกคือการใช้งานผ้าเบรกไปในตัว หากถูกใช้งานบ่อยครั้ง ก็มีโอกาสเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น โดยจะแสดงอาการแปลก ๆ ผ่านการขับขี่ที่คุณสามารถสังเกตหรือรู้สึกได้ เช่น
1. มีเสียงทุกครั้งเมื่อเหยียบเบรก
อาการนี้จะสังเกตได้ง่าย ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณอันตรายมากที่สุดเช่นกัน เพราะนั่นหมายความว่า ผ้าเบรกเสื่อมสภาพ หรือใช้งานจนหมดแล้ว ทำให้จานเบรก และเบรกคาลิเปอร์กระทบกัน เกิดเป็นคล้ายเสียงเสียดสีของโลหะ ควรรีบนำรถยนต์เข้าตรวจเช็กสภาพผ้าเบรกที่ศูนย์บริการรถยนต์ แต่หากเกิดเสียงแล้วหายเองหลังจากเหยียบเบรก 2-3 ครั้ง ในช่วงขับขี่สภาพอากาศชื้นหน้าฝน ลุยน้ำท่วม อาจเป็นเพียงเพราะคราบฝุ่นเกาะที่ผ้าเบรก ถือว่าไม่ใช่อาการผ้าเบรกเสื่อม
2. ผ้าเบรกบางลงมีความหนาน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร
วิธีนี้สามารถเช็กได้ด้วยการวัดขนาดผ้าเบรกโดยตรง ตามปกติจะมีความหนา 10 มิลลิเมตร และอายุการใช้งานประมาณ 48,000 - 56,000 กิโลเมตร อยู่ที่พฤติกรรมของผู้ขับขี่ ยิ่งเหยียบเบรกบ่อย ยิ่งทำให้ผ้าเบรกสึกเร็วขึ้น จนเหลือน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร หรือก้านเบรกมีผ้าเบรกน้อยกว่า 1 มิลลิเมตร ควรรีบเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสียหายต่อจานเบรก
3. พวงมาลัยสั่นเมื่อเหยียบเบรก
หากเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกแล้วแแป้นเบรกสั่น จนไปถึงพวงมาลัย นี่คือสัญญาณว่าผ้าเบรกเริ่มบางลง ทำให้ประสิทธิภาพการกดทับจานเบรกลดลง จนจานเบรกและหน้ายางสัมผัสกันอย่างไม่สม่ำเสมอ
4. รู้สึกต้องเหยียบแป้นเบรกลึกกว่าปกติ
ปกติแล้วแค่เพียงเหยียบเบรกช่วงตอนเพิ่งเปลี่ยนผ้าเบรกมาใหม่ ๆ ก็จะเหยียบง่าย ความเร็วของรถก็ลดลงโดยไม่ต้องเหยียบลึกมาก แต่หากต้องเหยียบแป้นเบรกลึกกว่าปกติเพื่อให้รถหยุด นั่นอาจหมายถึงผ้าเบรกที่บางจนใกล้หมดแล้วนั่นเอง
5. สัญญาณเตือนขึ้นที่หน้าปัดรถ
ถ้าระบบเตือนรถยนต์ขึ้นเป็นสัญลักษณ์สีแดงรูปตัว “P” หรือเครื่องหมายตกใจ “!” ขึ้นโชว์ที่หน้าปัดรถยนต์ โดยปกติเครื่องหมายนี้จะขึ้นเตือนเมื่อยกเบรกมือค้างไว้ แต่หากเอาลงแล้วยังขึ้นอยู่ แสดงว่ามีปัญหาที่ระบบเบรก เช่น น้ำมันเบรกต่ำ หรือผ้าเบรกเสื่อมสภาพ

อันตรายหากไม่เปลี่ยนผ้าเบรก
เมื่อตรวจพบความผิดปกติของผ้าเบรกแล้ว อย่าละเลยหรือปล่อยทิ้งไว้นาน เนื่องจากผ้าเบรกที่สึกหรือบางเกินไป จะไม่สามารถสร้างแรงเสียดทานระหว่างโรเตอร์มากพอ หรืออาจทำให้จานเบรกเสียหาย บิดเบี้ยวจากความร้อนที่เกิดจากแผ่นรองผ้าเบรกโลหะเสียดสี ทั้งนี้จึงส่งผลเสียต่ออะไหล่ส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเบรกทั้งหมด ทำให้ประสิทธิภาพในการหยุดชะลอความเร็วของรถยนต์จึงลดลง หากขับขี่มาด้วยความเร็วสูง และจำเป็นต้องเบรกกะทันหัน อาจเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้ร่วมทาง
เปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อไหร่
ดังที่กล่าวข้างต้นไปแล้วว่า โดยทั่วไปผ้าเบรกจะมีอายุการใช้งานประมาณ 48,000 - 56,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ของแต่ละคนด้วย เช่น หากชอบขับขี่ด้วยความเร็วหรือเหยียบเบรกบ่อย, การขับขี่ในเมืองสภาพจราจรหนาแน่น, การขับขี่บนถนนลูกรัง ล้วนแต่มีผลต่อให้อายุการใช้งานของผ้าเบรกลดลง จึงต้องหมั่นตรวจเช็กบ่อยขึ้น ยิ่งหากมีสัญญาณเตือน จำเป็นต้องนำรถยนต์ตรวจเช็กกับศูนย์บริการรถยนต์ทันที เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเปลี่ยนผ้าเบรก
1. ผ้าเบรกหน้าและหลังมีขนาดไม่เท่ากัน
สำหรับด้านหน้าผ้าเบรกจะมีขนาดใหญ่กว่า เพราะต้องมีความทนทาน ต้านแรงเสียดทานได้ดีเยี่ยม เพื่อจะทำให้รถยนต์หยุดเคลื่อนตัวตามแรงเบรก สำหรับด้านหลังก็จะมีขนาดเล็กลงมา ทำหน้าที่ลดการเสียดสี และช่วยให้รถยนต์ทรงตัวได้เมื่อเกิดการเบรกกะทันหัน
2. จำเป็นต้องเปลี่ยนจานดิสเบรกด้วยหรือไม่
ขึ้นอยู่กับว่าสภาพของจานเบรกเป็นอย่างไร แต่โดยปกติแล้วผ้าเบรกมักจะเสื่อมสภาพก่อนขานเบรก ยกเว้นแต่ว่าปล่อยให้เกิดการเสียดสี ทำให้จานเบรกบิดเบี้ยวจากความร้อน หรือรับจากแผ่นรองผ้าเบรกโลหะเสียดสีกัน กรณีนี้จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนจานดิสเบรกด้วย
3. ควรเลือกเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ทั้ง 4 ล้อ
เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควรเลือกเปลี่ยนใหม่ทั้ง 4 ตำแหน่งของรถยนต์ เพราะจะช่วยรักษาสมดุลของเบรก และกระจายความร้อนได้ดี
รักษาอายุผ้าเบรกให้นานขึ้น
- 1. หมั่นทำความสะอาดจานเบรก ด้วยน้ำยาทำความสะอาดสำหรับอุปกรณ์เบรก เพื่อชำระล้างเศษฝุ่นเศษดินที่เกาะติด หากปล่อยไว้ฝุ่นจะแข็งตัว ทำให้เวลาเบรกอาจเกิดเสียงหรือจะยิ่งกินผ้าเบรกมากขึ้น
- 2. ลดความเร็วขณะขับขี่ ใช้ความเร็วให้คงที่ การขับรถเร็วจะทำให้เกิดการเหยียบเบรกหนักหรือกะทันหัน กลายเป็นแรงเสียดทานที่จะเพิ่มโอกาสสึกให้ผ้าเบรก
- 3. ขณะขับขี่ลง - ขึ้นเนินสูงชัน ให้ลดการเหยียบแป้นเบรกจนสุด เปลี่ยนมาขับเกียร์ต่ำแทน
- 4. ลดน้ำหนัก นำสัมภาระที่ไม่จำเป็นออกจากรถก่อนเดินทาง เมื่อรถยนต์บรรทุกของหนักเท่ากับว่าผ้าเบรกก็ต้องทำงานหนักเช่นกัน เพื่อชะลอความเร็วหรือหยุดรถเมื่อเหยียบเบรก
- 5. ไม่ควรเหยียบเบรกบ่อย แต่ให้เบรกแบบมีเทคนิค เช่น สังเกตรถข้างหน้าหรือไฟแดง ให้ยกเท้าออกจากคันเร่ง เพื่อลดความเร็ว ทำให้ไม่ต้องเหยียบเบรกหนัก ๆ หรือกะทันหัน และที่สำคัญไม่จำเป็นอย่าเหยียบเบรกฉุกเฉิน เพราะจะส่งผลให้เบรกจับจานเบรกแรงและถี่มากขึ้น
- 6. ตรวจเช็กสภาพผ้าเบรก และระบบเบรกอยู่เสมอ โดนนำรถยนต์ตรวจเช็กกับศูนย์บริการรถยนต์ทุก ๆ 3 - 6 เดือน