มอเตอร์สปอร์ตคืออะไร
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า มอเตอร์สปอร์ตผ่านหูกันมาบ้าง แต่ก็มีหลายคนที่ยังคงสงสัยว่ามอเตอร์สปอร์ตคือการแข่งขันอะไรและมีกี่ประเภทกันแน่
มอเตอร์สปอร์ตคือกีฬาแข่งขันความเร็วที่รวบรวมยานยนต์หรือพาหนะที่มีเครื่องยนต์เป็นส่วนประกอบเกือบทุกประเภทมาจัดการแข่งขันประชันความเร็วสุดตื่นเต้น ภายใต้การดูแลของสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (International Automobile Federation : FIA) โดยไม่ได้จำกัดไว้ว่าจะต้องมีเพียงการจัดการแข่งขันรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึง เครื่องบิน เรือและพาหนะอื่นๆที่มีเครื่องยนต์อีกด้วย
ประวัติความเป็นมาของวงการมอเตอร์สปอร์ต
เมื่อปีคริสต์ศักราช 1895 ณ กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ได้เกิดการคิดค้นรถยนต์เบนซินขับเคลื่อนล้อหลังคันแรกขึ้นมา ซึ่งสร้างความสนใจในแวดวงคนชั้นสูงของประเทศฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก ประกอบกับในสมัยนั้นเหล่าคนชนชั้นสูงมีความชื่นชอบในการแข่งรถเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้เกิดการจัดการแข่งรถขึ้นมา และเริ่มเป็นที่รู้จักขยายวงกว้างไปยังประเทศรอบข้างและประเทศอื่นๆ จึงได้ถูกพัฒนาต่อๆมาจนกลายเป็นกีฬาแข่งขันความเร็วอย่าง “มอเตอร์สปอร์ต”
เรื่องราวของมอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทย
ในสมัยรัชกาลที่ 7 การแข่งมอเตอร์สปอร์ตเริ่มได้รับความสนใจจากชาวไทยหลังจากที่ พระบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภานุเดชได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย โดยทรงเป็นตัวแทนนักแข่งรถชาวไทยที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในเวทียุโรปหลายรายการ และได้รับรางวัลกลับมามากมาย โดยเริ่มแรกท่านได้เข้าร่วมรายการอย่าง “Coupe de Prince Rainier circuit de Monaco ” และสามารถคว้าถ้วยรางวัลจากเจ้าชายเรนีย์แห่งโมนาโกมาได้ นอกจากนี้ท่านก็ได้รับรางวัลอื่นๆจากการแข่งขันรถในเวทียุโรปมาอีกหลายรายการ จนได้รับรางวัล “ดาราทอง” จากพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งประเทศอังกฤษเป็นเวลา 3 ปีซ้อนอีกด้วย หลังจากนั้นเป็นต้นมา มอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทยก็เป็นที่รู้จักและถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมีสนามแข่งรถที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FIA ที่สามารถเป็นสถานที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้แก่คนไทยและผู้คนทั่วโลกได้
ประเภทของกีฬามอร์เตอร์สปอร์ต
จากที่ได้กล่าวไปเบื้องต้นว่าการแข่งมอเตอร์สปอร์ตไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงแค่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมยานพาหนะที่มีเครื่องยนต์ทั้งหมด ที่สามารถนำมาแข่งได้ โดยสามารถแบ่งได้ 4 ประเภทการแข่งขันนั่นก็คือ
1.การแข่งขันรถจักรยานยนต์ (Motorcycle Racing)
เป็นการแข่งขันที่ถูกจัดอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยมีการแข่งทั้งแบบทางฝุ่นและทางเรียบ ซึ่งรายการการแข่งขันอันโด่งดังที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายก็คือรายการ MotoGP เป็นการแข่งขันมอเตอร์ไซด์ทางเรียบที่เก่าแก่ที่สุด โดยเสน่ห์ของรายการก็คือ รถจักรยานยนต์ที่นำมาแข่งนั้นจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันโดยเฉพาะ จึงทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ก็ยังมีรายการอื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Moto 1,2 รายการ Endurance world Champion (EWC) รายการ World Superbike และอื่นๆอีกมากมาย
2. การแข่งขันทางน้ำ (Water Racing)
การแข่งขันทางน้ำอาจจะไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าการแข่งขันทางบก แต่ก็ยังถือว่าเป็นรายการหนึ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน เนื่องด้วยการแข่งขันทางน้ำนั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นการแข่งบนผิวน้ำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแข่งบนพื้นผิวน้ำแข็งอีกด้วย ซึ่งลักษณะการแข่งทางน้ำก็มีอยู่หลากหลายประเภทยกตัวอย่างเช่น การแข่ง Jet ski การแข่งเรือ Jet sprint และอื่นๆ ในส่วนของการแข่งบนพื้นน้ำแข็งก็มีอยู่หลายประเภทเช่นเดียวกัน แต่การแข่งที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดก็คือการแข่งขัน Snowmobile นั่นเอง
3. การแข่งขันทางอากาศ (Air Racing)
หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่า มอเตอร์สปอร์ตก็มีการแข่งขันโดยใช้ยานพาหนะที่สามารถร่อนอยู่บนชั้นบรรยากาศได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งความน่าตื่นตาตื่นใจของการแข่งขันทางอากาศก็คือ เครื่องบินหรือยานพาหนะทางอากาศนั้นจะต้องแข่งกันด้วยความเร็วที่มีมากกว่ารถแข่งหรือรถจักรยานยนต์ในรายการอื่นๆ จึงทำให้เป็นหนึ่งในประเภทของรายการมอเตอร์สปอร์ตที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
4. การแข่งรถยนต์ (Auto car racing)
การแข่งรถเป็นหนึ่งในการแข่งขันอันเป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการได้เข้าร่วมรับชมแบบสดๆติดขอบสนามก็นับว่าเป็นความฝันอันสูงสุดของผู้คนที่หลงไหลในรถแข่งและความเร็วเป็นอย่างมาก จากการเป็นจุดมุ่งหมายของแฟนคลับทั่วโลก จึงก่อให้เกิดรายการ การแข่งขันรถอย่างต่อเนื่องที่สามารถสร้างความตื่นเต้นและการเฝ้ารอให้กับแฟนๆได้เสมอ โดยยกตัวอย่างการแข่งขันที่เป็นที่นิยมได้ดังนี้
การแข่งขันรถ Formula (Formula racing) เป็นการแข่งขันรถล้อเปิดที่โด่งดังมากที่สุดในโลก หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “Formula One” ที่นับว่าเป็นรายการอันดับต้นๆของวงการมอเตอร์สปอร์ตที่สร้างความตื่นเต้นได้ตลอดกาล ซึ่งการแข่ง Formula นี้จะถูกจัดขึ้นทุกปีในรูปแบบกรังปรีซ์ตามประเทศและเมืองต่างๆทั่วโลกเช่น อังกฤษ อิตาลี ญี่ปุ่น กาตาร์ จีน และประเทศอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดแฟนๆได้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นรูปแบบของยานยนต์ที่ถูกออกแบบมาอย่างล้ำสมัย พร้อมด้วยความสามารถในการทำความเร็วได้มากสุดเกือบถึง 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังได้เห็นการประชันกลยุทธ์ฝีมือของนักแข่งในสนามก็ยิ่งทำให้การแข่งขันนี้ดุเดือดมากขึ้นไปอีก จนไม่สามารถละสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว
การแข่ง Endurance Racing คือการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแบบวิ่งวนรอบสนาม (Circuit) ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อทดสอบความทนทานและความอดทนของทั้งรถยนต์ นักแข่งและทีมงานตามชื่อประเภทของรายการที่มุ่งไปถึงเรื่องความอึด ถึก ทน ซึ่งการแข่งประเภทนี้จะไม่ได้เป็นกำหนดรอบการแข่งแต่เป็นการกำหนดเวลาแทน โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ 4, 6, 8, 12 ไปจนถึง 24 ชั่วโมง โดยตัดสินผลชัยชนะจากจำนวนรอบที่นักแข่งสามารถทำได้เมื่อสิ้นสุดเวลาการแข่งขัน
การแข่ง Drifting เป็นการแข่งที่เน้นโชว์ลีลาทักษะการควบคุมรถของนักแข่ง โดยผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องแสดงฝีมือบังคับรถเมื่อต้องเข้าโค้งให้เป็นไปตามความเร็วและองศาที่กำหนดและทำตามไลน์การวิ่งให้ได้ ซึ่งไลน์การวิ่งก็คือตำแหน่งที่กรรมการกำหนด Clipping point หรือ Apex ซึ่งเป็นตำแหน่งในสนามการแข่งขันบริเวณกำแพงหรือขอบสนามที่นักแข่งจะต้องพยายามดริฟต์เข้าโค้งให้บริเวณท้ายรถหรือหน้ารถเข้าไปชิดกับบริเวณนั้นให้ได้มากที่สุด และในขณะทำการดริฟต์เข้าโค้งต้องทำมุม (Angle) ให้ได้อย่างน้อย 90 องศา ซึ่งระหว่างนั้นนักแข่งก็ต้องไม่ลืมที่จะปล่อยลีลาออกมาเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้ชมและเพิ่มคะแนนพิศวาสเช่น การเร่งเครื่องอย่างต่อเนื่อง ใช้เบรคมือขณะเข้าโค้ง หรือที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือการสร้างควันขึ้นมาให้ได้มากที่สุดในขณะทำการดริฟต์
Sports Car Racing เป็นการแข่งขันโดยการนำรถสปอร์ตสุดหรูสองที่นั่งล้อปิดเช่น Ferrari, Porsche, Jaguar, BMW และรุ่นอื่นๆ มาทำการแข่งขันกัน ซึ่งกติกาและรูปแบบการแข่งประเภทนี้จะมีวิธีการที่คล้ายคลึงกับการแข่งประเภท Endurance โดยทำการวิ่งในระยะทางไกลและระยะเวลานานเป็นพิเศษเพื่อวัดประสิทธิภาพความทนทานของรถ นักแข่งรวมถึงทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั่นเอง
Touring Car Racing การแข่งขันรถยนต์ประเภทนี้เป็นการนำเอารถยนต์ล้อปิดที่วิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วไปมาดัดแปลงส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ระบบกันสั่นสะเทือน เบรก ล้อและยาง และส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อให้มีสมรรถนะที่เหมาะกับการนำมาเป็นรถแข่ง ซึ่งการแข่งขันแบบ Touring นี้ก็มีวิธีการแข่งที่ใกล้เคียงกับการแข่งมอเตอร์สปอร์ตประเภท Endurance เช่นกัน โดยแข่งกันที่ระยะเวลาจากแบบสั้น 3 ชั่วโมง จนถึงระยะเวลายาว 24 ชั่วโมง เพื่อทดสอบความทนทานและความสามารถของรถ ทีมงานและนักแข่งเช่นเดียวกัน
Drag Racing เป็นการแข่งขันรถประเภททางตรงซึ่งจะไม่มีการเข้าโค้งแต่อย่างใด โดยการแข่งขันนั้นจะเริ่มจากการปล่อยรถแข่งออกไปทีละ 2 คัน ให้วิ่งเป็นทางตรงตามระยะทางมาตรฐานที่กำหนดไว้อยู่ที่ ควอเตอร์ไมล์ หรือ 402 เมตร ดังนั้นรถที่นำมาแข่งจะต้องมีความพิเศษไปจากรถแข่งในรายการอื่นๆตรงที่ รถต้องมีน้ำหนักเบาและมีโครงสร้างลู่ลม เพื่อเอื้ออำนวยต่อการออกตัวของรถให้ได้เร็วที่สุด
นอกจากประเภทการแข่งขันรถยนต์ที่ได้กล่าวไปข้างต้นนี้ ก็ยังมีการแข่งขันอีกมากมายหลายรายการที่ถูกจัดขึ้นตามประเภทของรถและสถานที่การแข่งขันอื่นๆ เช่นการแข่งรถไต่เขาอย่าง Hill climbing หรือการแข่งรถ Kart อย่าง Kart Racing ซึ่งการแข่งขันของแต่ละรายการก็มีความน่าสนใจและเสน่ห์ของรายการที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลว่า มีความสนใจรายการไหนมากกว่ากัน
เสน่ห์ของกีฬามอเตอร์สปอร์ต
จุดดึงดูดแฟนๆและผู้คนทั่วโลกของมอเตอร์สปอร์ตก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความเร็วที่ให้ความรู้สึกตื่นเต้น สนุกสนานและเร้าใจให้แก่ผู้ชม ประกอบกับการได้เห็นนักแข่งแต่ละคนได้แสดงฝีมือศักยภาพและการตัดสินใจอันรวดเร็วเพื่อชิงชัยชนะ มาพร้อมกับความพยามยามทีมเวิร์คของทีมงานที่ช่วยกันวางกลยุทธ์ ก็ยิ่งสร้างความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก แต่ที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือความสวยงาม ล้ำสมัยของรถที่นำเข้ามาแข่งขันอันเป็นเหมือนไฮไลท์สำคัญในสนามแข่ง เพราะรถแข่งเหล่านี้ได้ถูกดัดแปลงมาจากเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์การแข่งขัน ความปลอดภัยและเพื่อสร้างสีสันให้วงการแข่งรถได้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการขับขี่ เครื่องยนต์ ระบบเบรก และระบบอื่นๆไปจนถึงน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้กับพาหนะ และยางรถยนต์
ทำไม Bridgestone ถึงเข้ามามีส่วนร่วมในวงการมอเตอร์สปอร์ต
Bridgestone ได้เข้ามาอยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตร่วม 60 ปี โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกสู่ความยั่งยืน ร่วมคิดค้นนวัตกรรมยางรถยนต์เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และพร้อมสนับสนุนกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตให้เต็มไปด้วยสีสันและสร้างความสุขให้ผู้ชมต่อไป โดยในปัจจุบันทาง Bridgestone ได้สนับสนุนการแข่งรายการใหญ่ ได้แก่
1. การแข่งขันรายการ SUPER GT เป็นการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตชั้นนำของญี่ปุ่น ที่จะมาสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้ผู้ชมได้อย่างแน่นอน ซึ่งในปี 2024 นี้ สามารถติดตามชมการแข่งขันทั้ง 8 สนามตลอดทั้งปี ได้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน ถึง 3 พฤศจิกายน นี้อีกด้วย (สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติม คลิก)
2. การแข่งขันรายการ BRIDGESTONE WORLD SOLAR CHALLENGE หรือการแข่งขันรถพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ยังได้สนับสนุนยางแก่ผู้เข้าแข่งขันถึง 35 ทีม สำหรับการแข่งขันประจำปี ค.ศ. 2023 ซึ่งการแข่งขันดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกของบริดจสโตนที่มุ่งสู่ความยั่งยืนที่สอดคล้องกับ E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) และยังถือเป็นกิจกรรมสำคัญในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี ในวงการมอเตอร์สปอร์ตของบริดจสโตนด้วยเช่นกัน (สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติม คลิก )
ซึ่ง Bridgestone ก็ไม่ได้ปล่อยให้การพัฒนายางสำหรับกีฬามอเตอร์สปอร์ตจะถูกจำกัดอยู่แค่ภายในสนามแข่งเท่านั้น แต่เรายังนำเอาเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนายางรถแข่งมาดัดแปลงและพัฒนายางรถยนต์สำหรับการขับขี่บนท้องถนนทั่วไปด้วยเช่นกัน เพราะเรามุ่งหวังให้ทั้งกีฬามอเตอร์สปอร์ตและการขับขี่ของผู้คนทั่วไปบนท้องถนนจะเต็มไปด้วยความล้ำสมัย ปลอดภัยและความสุขระหว่างการขับขี่และรับชมตลอดอีกด้วย