บริดจสโตนได้รับการรับรองตามแนวทางการกำหนดเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Target: SBT) ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

- บริดจสโตนได้รับการรับรองตามแนวทางการกำหนดเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Target: SBT) ภายใต้โครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative: SBTi) ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี พ.ศ. 2573

- บริดจสโตนกำลังมุ่งสู่การบรรลุกรอบการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมด้านความยั่งยืนและธุรกิจ เพื่อสนับสนุนความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า

- ความมุ่งมั่นดังกล่าวสอดคล้องกับ “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” ซึ่งสนับสนุนให้บริดจสโตนก้าวไปสู่การเป็นองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน 

[โตเกียว] (24 มีนาคม 2566) – บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น ได้รับการรับรองจากโครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ (SBTi) *1 ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งกำหนดโดยกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลก (บริดจสโตน) *2

SBTi ให้การรับรองแก่บริษัทที่กำหนดเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Target: SBT) ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวครอบคลุมระยะเวลา 5 – 10 ปี
และเป็นไปตามระดับที่กำหนดโดยความตกลงปารีส (Paris Agreement) *3

ความมุ่งมั่นของบริดจสโตนในครั้งนี้สอดคล้องกับคุณค่า “ด้าน Energy (พลังงาน) ด้วยการตระหนักถึงสังคม แห่งการเดินทาง ตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน”, “ด้าน Ecology (สิ่งแวดล้อม)
ด้วยการตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างแท้จริงเพื่อสิ่งแวดล้อม” และ “ด้าน Economy (เศรษฐกิจ) ด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจให้ทะยานไปได้สุด” ซึ่งอยู่ใน
“Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” *4

บริดจสโตนได้รับการรับรองตามแนวทาง SBT ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระยะกลางภายในปี พ.ศ. 2573 (ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3) ซึ่งเรากำลังดำเนินการตามเป้าหมาย
ด้วยการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนควบคู่กับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเน้นที่ความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเร่งด่วนและจริงจัง
ด้วยเหตุนี้ บริดจสโตนจึงปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของกิจกรรมการผลิตอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน ในขณะเดียวกัน เรามุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าและวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการจัดจำหน่าย รวมถึงการใช้ การใช้ซ้ำ ตลอดจนการรีไซเคิล บริดจสโตนยังคงรักษาระดับ A- หรือสูงกว่าจาก CDP *5 ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่า บริดจสโตนได้แสดงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บริดจสโตนกำหนดให้ความยั่งยืนเป็นแกนหลักในการบริหารงานและดำเนินธุรกิจ ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ “สู่ปี พ.ศ. 2593 บริดจสโตนยังคงส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กร
ผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน” เรากำลังมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อรุดหน้าสู่กรอบการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรม
ด้านความยั่งยืนและธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันตลอดทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าใน “การผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่าย” “การใช้” และ “การหมุนเวียน” บนพื้นฐานของความเป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์
(Dan-Totsu Products)

ด้วย “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” ซึ่งเป็นแกนหลักในการบริหารงานเพื่อยกระดับองค์กร บริดจสโตนจะมุ่งสู่การสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืนด้วยการสร้างคุณค่า
ร่วมกับพนักงาน สังคม พันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้า เพื่อความยั่งยืนและการเติบโตทางธุกิจ

ตัวอย่างกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมของบริดจสโตน มีดังนี้
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

Ø  การส่งเสริมโรงงานสีเขียวและโรงงานอัจฉริยะ (Green and Smart Factories)        
ความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ระยะยาวของบริดจสโตนภายในปี .. 2573 *6 ซึ่งได้ถูกประกาศไว้เมื่อเดือนสิงหาคม พ.. 2565 ถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมโรงงานสีเขียวและโรงงานอัจฉริยะ (Green and Smart Factories) โดยบริดจสโตนมุ่งมั่นจัดหาแหล่งพลังงาน (ไฟฟ้า) ซึ่งมาจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้มากกว่า 50% ภายในปี พ.. 2566 และจัดหาพลังงานหมุนเวียน (ไฟฟ้า) ให้ได้ 100% ภายใน
ปี .. 2573 *7 บริดจสโตนได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนสำหรับการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดที่ Bridgestone EMIA ในยุโรป รวมถึงโรงงานสี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น (เมืองฮิโกเนะ เมืองชิโมโนเซกิ เมืองโทสุ
และเมืองคิตะคิวชู) และโรงงานสองแห่งในประเทศจีน (เมืองเทียนจินและเมืองอู๋ซี) นอกจากนี้บริดจสโตนยังได้เริ่มใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าที่โรงงานในประเทศไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา
และในยุโรปอีกด้วย

ยกระดับการส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

Ø พัฒนายางสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ด้วยเทคโนโลยี “ENLITEN®”      
บริดจสโตนกำลังมุ่งมั่นพัฒนายางด้วยเทคโนโลยี ENLITEN *8  ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งมอบความพรีเมียมใหม่สำหรับยุคของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และเพื่อส่งมอบความเหนือระดับ
ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสมรรถนะการขับขี่ เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่และประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าของรถ EV โดยช่วยลดแรงต้านการหมุนของยาง ในขณะเดียวกันยางที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี ENLITEN ยังออกแบบให้เหมาะกับสมรรถนะของรถ EV ด้วย เช่น เทคโนโลยี ENLITEN ช่วยให้ยางมีน้ำหนักเบา หรือช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานได้มากยิ่งขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยี ENLITEN บริดจสโตนมุ่งมั่นสนับสนุนความปลอดภัยและความอุ่นใจในการเดินทาง ในขณะเดียวกันยังมีส่วนร่วมเป็นอย่างยิ่งในด้านความยั่งยืนด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร

Ø  ต่อยอดโซลูชั่นเพื่อการเดินทาง

บริดจสโตนส่งมอบโซลูชั่นเพื่อการเดินทางซึ่งยืดอายุการใช้งานของยานพาหนะให้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประเมินประสิทธิภาพของยานพาหนะและการสึกหรอของยาง
ในขณะเดียวกันยังให้การบริการเปลี่ยนยางและการดูแลรักษายางอย่างมีประสิทธิภาพแก่ลูกค้าหลากหลายกลุ่มด้วยกัน นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นสนับสนุนความปลอดภัยและความอุ่นใจในการเดินทาง
ให้กับลูกค้า บริดจสโตนกำลังพัฒนาและต่อยอดโซลูชั่นเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการใช้งานยางของลูกค้า โดยการช่วยเพิ่มประโยชน์และมูลค่าทางเศรษฐกิจ

Ø ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมกับคู่ค้าเพิ่มมากขึ้น   
ในปี พ.. 2564 บริดจสโตนได้ปรับปรุงบางส่วนของนโยบายการจัดซื้ออย่างยั่งยืนที่ใช้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนเพื่อกำหนดรูปแบบความคิดริเริ่มที่ดียิ่งขึ้นเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน นอกจากนี้บริดจสโตนยังจัดการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวสำหรับคู่ค้าในภูมิภาคต่างๆ ที่บริดจสโตนดำเนินธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาเข้าใจนโยบายและกิจกรรมของบริดจสโตนอย่างแท้จริง ตามนโยบายดังกล่าวนี้ บริดจสโตนจะร่วมมือกับคู่ค้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทาน        

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาอ้างอิงจาก บริดจสโตน 3.0 (รายงานเชิงบูรณาการประจำปี พ.ศ. 2565) และรายละเอียดด้านความยั่งยืนบนเว็บไซต์บริดจสโตน *9

*1                    โครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative: SBTi)

SBTi เป็นโครงการระดับโลกที่ช่วยให้ธุรกิจกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอ้างอิงหลักทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Agreement)
โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันระหว่างองค์กร Carbon Disclosure Project (CDP) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระหว่างประเทศซึ่งสนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลสิ่งแวดล้อม ได้แก่ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature Inc.), สถาบันทรัพยากรโลก (World Resources Institute) และข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact)

*2                    เป้าหมายระยะสั้นที่ได้รับการรับรองโดย SBTi      
https://www.bridgestone.com/responsibilities/environment/reduce_co2/operations/

*3     ความตกลงปารีส (Paris Agreement) เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยเป้าหมายคือ ควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก
ไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม และพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับอุณหภูมิ
ก่อนยุคอุตสาหกรรม

*4     กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนได้กำหนด “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)" เพื่อช่วยให้บรรลุวิสัยทัศน์: "สู่ปี พ.ศ. 2593 บริดจสโตนยังคงส่งมอบคุณค่า ให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน" ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการบริหารควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจและน่าเชื่อถือให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)" ประกอบด้วยคุณค่า 8 ด้านของบริดจสโตนที่เริ่มต้นด้วยตัวอักษร "E" (ด้าน Energy (พลังงาน), ด้าน Ecology (สิ่งแวดล้อม), ด้าน Efficiency (ประสิทธิภาพ), ด้าน Extension (การเติบโต), ด้าน Economy (เศรษฐกิจ), ด้าน Emotion (ความรู้สึก), ด้าน Ease (ความสะดวกสบาย) และด้าน Empowerment (พลังทางสังคม)
ซึ่งกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผ่านเจตจำนงและกระบวนการทำงานร่วมกับพนักงาน สังคม พันธมิตร และลูกค้า เพื่อสังคมที่ยั่งยืนสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.com/corporate/news/pdf/2022030101.pdf

*5     Carbon Disclosure Project (CDP) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระหว่างประเทศซึ่งรวบรวมและเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับองค์กร หรือเมืองต่างๆ ทั่วโลก จากความต้องการของนักลงทุน, สถาบัน, บริษัท และองค์กรต่างๆ นั้น CDP จึงสนับสนุนให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการน้ำ และความใส่ใจสิ่งแวดล้อมอื่นๆ
ทั้งยังตรวจสอบและประเมินองค์กรดังกล่าวด้วย

*6      ความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ระยะยาวสู่ปี พ.ศ. 2573 – รายงานเชิงบูรณาการ Bridgestone 3.0 Journey– แผนกลยุทธ์ของบริดจสโตนสู่การเป็นองค์กรที่ยืดหยุ่นและประสบความสำเร็จ

*7      บริดจสโตนมุ่งมั่นจัดหาแหล่งพลังงาน (ไฟฟ้า) ซึ่งมาจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้มากกว่า 50% ภายในปี พ.. 2566 และจัดหาพลังงานหมุนเวียน (ไฟฟ้า) ให้ได้ 100% ภายในปี .. 2573 
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
 2030 Long Term Strategic Aspiration - Bridgestone 3.0 Journey  (หน้า 34)

*8      บริดจสโตนกำลังมุ่งมั่นพัฒนายางด้วยเทคโนโลยี ENLITEN สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 
https://www.bridgestone.co.th/th/why-bridgestone/innovation/enliten

*9      สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาอ้างอิงจากรายงานเชิงบูรณาการ Bridgestone 3.0 Journey (รายงานเชิงบูรณาการประจำปี พ.ศ. 2565) และรายละเอียดด้านความยั่งยืนบนเว็บไซต์ของบริดจสโตน
https://www.bridgestone.com/ir/library/integrated_report/index.html
https://www.bridgestone.com/responsibilities/index.html

 

เกี่ยวกับ บริดจสโตน ประเทศไทย

บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น มีสำนักงานใหญ่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผู้นำระดับโลกด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนพร้อมนำเสนอโซลูชั่นขั้นสูงสุด และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เราได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า, ผู้แทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับคุณภาพด้านผลิตภัณฑ์ที่ได้ถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมในประเทศ เพื่อการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้า บริดจสโตนมุ่งมั่นพัฒนาการเดินทาง, การใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คน เพื่อสร้างสรรค์อนาคตของการเดินทางให้ยั่งยืน